ไก่ทอด เมนูกรอบอร่อยที่ครองใจคนทั่วโลก


ไก่ทอด เมนูกรอบอร่อยที่ครองใจคนทั่วโลก


ไก่ทอด เป็นอาหารที่มีประวัติความเป็นมายาวนานและแพร่หลายไปทั่วโลก แต่ละวัฒนธรรมมีวิธีการทอดไก่และปรุงรสที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งสะท้อนถึงประเพณีและรสนิยมที่แตกต่างกันไป

ไก่ทอดสไตล์อเมริกัน

ไก่ทอดในสไตล์อเมริกัน (American Fried Chicken) มีต้นกำเนิดจากภาคใต้ของสหรัฐอเมริกา โดยได้รับอิทธิพลจากชาวแอฟริกันที่นำเทคนิคการทอดมาจากบ้านเกิดของพวกเขา ในสมัยก่อน ชาวแอฟริกันที่เป็นทาสในอเมริกาใช้เทคนิคการทอดไก่แบบเรียบง่าย แต่เข้มข้นด้วยรสชาติของเครื่องเทศที่พวกเขานำมาใช้ ผสมผสานกับวัฒนธรรมการปรุงอาหารของชาวสกอตแลนด์ที่มีการทอดเนื้อสัตว์ในน้ำมัน การผสมผสานนี้ได้กลายเป็นไก่ทอดที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบัน ซึ่งต่อมากลายเป็นอาหารจานโปรดที่เสิร์ฟในร้านอาหารทั่วประเทศ และแพร่หลายไปยังทั่วโลก

ไก่ทอดสไตล์เกาหลี

ไก่ทอดเกาหลี (Korean Fried Chicken) หรือที่เรียกกันว่า “ชิกเก้น” ในเกาหลี เป็นอีกหนึ่งเมนูยอดนิยมที่เกิดขึ้นหลังสงครามเกาหลีเมื่อประมาณปี 1950 โดยได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมการกินของชาวอเมริกันที่เข้ามาในเกาหลีช่วงสงคราม ไก่ทอดเกาหลีมีความโดดเด่นในเรื่องของการปรุงรสและซอสที่หลากหลาย เช่น ซอสรสเผ็ดหวานที่ทำจากโกชูจัง หรือซอสถั่วเหลืองที่มีความเค็มหวานลงตัว การทอดไก่สองครั้งเพื่อให้หนังกรอบและเนื้อนุ่มทำให้ไก่ทอดเกาหลีมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ และได้รับความนิยมไปทั่วโลก

ไก่ทอดสไตล์ญี่ปุ่น

ในญี่ปุ่น ไก่ทอดเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “คาราอาเกะ” (Karaage) ซึ่งมีประวัติความเป็นมาจากการนำเทคนิคการทอดแบบจีนมาปรับใช้ คาราอาเกะถูกนำเข้ามาในญี่ปุ่นตั้งแต่สมัยเมจิ โดยใช้วิธีการหมักไก่ในซอสที่ทำจากซีอิ๊วขาว ขิง และกระเทียม ก่อนนำไปทอดจนกรอบ เมนูนี้ได้รับความนิยมในญี่ปุ่นและเป็นส่วนหนึ่งของอาหารญี่ปุ่นที่แพร่หลายไปยังต่างประเทศ

ไก่ทอดสไตล์ไทย

ในประเทศไทย ไก่ทอดถือเป็นอาหารที่หาทานได้ง่าย มีหลากหลายสไตล์ที่แตกต่างกันไปตามภูมิภาค เช่น ไก่ทอดหาดใหญ่จากภาคใต้ ที่มีรสชาติหอมเครื่องเทศและกรอบอร่อย เนื่องจากมีการหมักไก่ด้วยเครื่องเทศและทอดพร้อมกับหอมเจียว นอกจากนี้ ยังมีไก่ทอดสมุนไพรที่ใช้ใบมะกรูดและตะไคร้เพื่อเพิ่มกลิ่นหอมและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์

ไก่ทอดสไตล์แอฟริกัน

ไก่ทอดในแอฟริกาได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมการปรุงอาหารแบบดั้งเดิมที่ใช้เครื่องเทศและสมุนไพรอย่างมากมาย โดยเฉพาะในแอฟริกาตะวันตก ไก่ทอดที่นิยมคือการหมักไก่ด้วยส่วนผสมของพริก เครื่องเทศท้องถิ่น และน้ำมะนาว ก่อนนำไปทอด การปรุงรสที่เข้มข้นและการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นทำให้ไก่ทอดแอฟริกันมีรสชาติที่โดดเด่น



เทคนิคการทำไก่ทอดให้กรอบนอกนุ่มใน

การทำไก่ทอดให้กรอบนอกนุ่มในต้องใช้เทคนิคเฉพาะเพื่อให้ได้เนื้อไก่ที่อร่อยและคงความชุ่มชื้นไว้ในขณะที่ยังคงความกรอบของหนังไก่ เรามาดูเทคนิคสำคัญที่ช่วยให้คุณสามารถทำไก่ทอดที่สมบูรณ์แบบได้

1. เลือกส่วนของไก่ที่เหมาะสม

เริ่มต้นด้วยการเลือกส่วนของไก่ที่มีความชุ่มชื้นในตัวเอง เช่น น่องไก่หรือสะโพกไก่ ส่วนนี้มีไขมันแทรกอยู่มากกว่าส่วนอื่น ทำให้เนื้อไก่ยังคงชุ่มชื้นหลังจากการทอด

2. การหมักไก่

การหมักไก่เป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้เนื้อไก่มีรสชาติและคงความชุ่มชื้น คุณสามารถหมักไก่ด้วยนมสดหรือบัตเตอร์มิลค์ผสมกับเครื่องเทศ เช่น เกลือ พริกไทย กระเทียม และผงปาปริก้า หมักทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาทีหรือข้ามคืนในตู้เย็น การหมักในบัตเตอร์มิลค์ช่วยทำให้เนื้อไก่นุ่มและซึมซับรสชาติได้ดี

3. การคลุกแป้ง

การคลุกแป้งเป็นขั้นตอนที่ช่วยให้ไก่กรอบ ควรใช้แป้งสาลีผสมกับแป้งข้าวโพดในอัตราส่วนที่เท่ากัน เพิ่มเครื่องปรุงรสตามชอบ เช่น เกลือ ผงกระเทียม หรือผงพริกปาปริก้า เพื่อเพิ่มรสชาติและความกรอบ เทคนิคอีกอย่างคือการใช้แป้งบาง ๆ และคลุกแป้งให้ทั่วไก่ก่อนทอดเพื่อให้ไก่กรอบขึ้น

4. การทอดไก่

ใช้น้ำมันที่มีจุดเดือดสูง เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันปาล์ม หรือ น้ำมันคาโนล่า อุ่นน้ำมันให้ได้อุณหภูมิประมาณ 175-180 องศาเซลเซียส ควรรักษาอุณหภูมิของน้ำมันให้คงที่ระหว่างการทอด เพื่อให้ไก่ทอดได้สุกทั่วถึงและกรอบนอก ควรทอดไก่จนมีสีเหลืองทองอ่อน แล้วพักไก่ในตะแกรงเพื่อให้น้ำมันส่วนเกินไหลออก และหนังไก่จะคงความกรอบ

5. การทอดสองครั้ง (Double Frying)

การทอดสองครั้งเป็นเทคนิคที่นิยมใช้เพื่อให้ไก่มีความกรอบมากยิ่งขึ้น เริ่มต้นด้วยการทอดครั้งแรกที่อุณหภูมิประมาณ 160 องศาเซลเซียส เพื่อให้ไก่สุกทั่วถึง จากนั้นนำไก่ออกมาพักให้เย็น แล้วทอดครั้งที่สองที่อุณหภูมิสูงประมาณ 180 องศาเซลเซียส การทอดครั้งที่สองนี้จะทำให้หนังไก่มีความกรอบเป็นพิเศษ

6. การพักไก่หลังทอด

หลังจากทอดไก่เสร็จแล้ว ควรพักไก่บนตะแกรงหรือกระดาษซับมันให้เย็นและสะเด็ดน้ำมัน จะช่วยให้ไก่ยังคงความกรอบได้ดีโดยไม่อมน้ำมัน

7. การเสิร์ฟทันที

ไก่ทอดควรเสิร์ฟทันทีหลังจากที่พักไก่ไว้เล็กน้อยเพื่อรักษาความกรอบและความร้อนของเนื้อไก่ หากทิ้งไว้นานความกรอบของไก่อาจลดลง

การใช้เทคนิคเหล่านี้ในการทำไก่ทอดจะช่วยให้คุณได้ไก่ทอดที่กรอบนอกนุ่มใน มีรสชาติอร่อยและดูน่าทาน ไม่ว่าจะเป็นไก่ทอดในมื้ออาหารหลักหรืออาหารว่างก็อร่อยได้ทุกครั้ง



สูตรเครื่องเทศและการหมักไก่แบบต่างๆ

การหมักไก่และการใช้เครื่องเทศเป็นขั้นตอนสำคัญที่ทำให้ไก่ทอดมีรสชาติที่โดดเด่นและกลิ่นหอมน่ารับประทาน สูตรหมักไก่และการใช้เครื่องเทศสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความชอบหรือสไตล์การปรุงอาหารของแต่ละคน นี่คือสูตรหมักไก่แบบต่าง ๆ ที่คุณสามารถลองทำได้:

1. สูตรหมักไก่แบบดั้งเดิม (Classic Buttermilk Marinade)

ส่วนผสม:

  • นมบัตเตอร์มิลค์ 2 ถ้วย
  • กระเทียมสับ 2 กลีบ
  • พริกไทยดำป่น 1 ช้อนชา
  • ผงปาปริก้า 1 ช้อนชา
  • ผงกระเทียม 1 ช้อนชา
  • เกลือ 1 ช้อนชา
  • ซอสพริก (เช่น ซอสทาบาสโก้) 1 ช้อนโต๊ะ (ถ้าต้องการรสเผ็ด)

วิธีหมัก:

  1. ผสมส่วนผสมทั้งหมดในชามขนาดใหญ่
  2. ใส่ไก่ลงในส่วนผสมหมัก แล้วคลุกเคล้าให้ทั่ว
  3. ปิดฝาหรือคลุมด้วยพลาสติก แล้วนำเข้าตู้เย็น หมักไว้อย่างน้อย 4 ชั่วโมง หรือข้ามคืน

2. สูตรหมักไก่สไตล์เกาหลี (Korean Marinade)

ส่วนผสม:

  • ซอสถั่วเหลือง 1/2 ถ้วย
  • น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ
  • กระเทียมสับ 2 กลีบ
  • ขิงสับ 1 ช้อนชา
  • พริกไทยดำป่น 1 ช้อนชา
  • โกชูจัง (Gochujang) 2 ช้อนโต๊ะ (เพิ่มความเผ็ด)

วิธีหมัก:

  1. ผสมส่วนผสมทั้งหมดในชามขนาดใหญ่จนเข้ากันดี
  2. ใส่ไก่ลงในส่วนผสมหมัก คลุกเคล้าให้เครื่องปรุงเข้ากับไก่ทั่วถึง
  3. หมักไก่ในตู้เย็นอย่างน้อย 2-4 ชั่วโมง

3. สูตรหมักไก่สไตล์ไทย (Thai Style Marinade)

ส่วนผสม:

  • รากผักชีสับละเอียด 3 ราก
  • กระเทียม 5 กลีบ
  • พริกไทยดำ 1 ช้อนชา
  • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  • ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ (เพิ่มความเปรี้ยว)
  • นมสด 1/2 ถ้วย (เพิ่มความนุ่ม)

วิธีหมัก:

  1. โขลกรากผักชี กระเทียม และพริกไทยเข้าด้วยกันจนละเอียด
  2. ผสมเครื่องโขลกกับส่วนผสมอื่นๆ ในชามขนาดใหญ่
  3. ใส่ไก่ลงในชาม คลุกเคล้าให้เครื่องหมักทั่วถึง
  4. หมักในตู้เย็นอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง

4. สูตรหมักไก่สไตล์อินเดีย (Indian Tandoori Marinade)

ส่วนผสม:

  • โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วย
  • ผงขมิ้น 1 ช้อนชา
  • ผงปาปริก้า 1 ช้อนชา
  • ผงพริกชี้ฟ้า 1 ช้อนชา (ตามความเผ็ดที่ต้องการ)
  • ผงการัมมาซาล่า 1 ช้อนโต๊ะ
  • ขิงสับ 1 ช้อนชา
  • กระเทียมสับ 1 ช้อนชา
  • น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ 1 ช้อนชา

วิธีหมัก:

  1. ผสมโยเกิร์ตกับเครื่องเทศและส่วนผสมทั้งหมดในชาม
  2. ใส่ไก่ลงในชามแล้วคลุกเคล้าให้เครื่องหมักซึมเข้าสู่เนื้อไก่
  3. หมักในตู้เย็นอย่างน้อย 4 ชั่วโมงหรือข้ามคืน

5. สูตรหมักไก่สไตล์เม็กซิกัน (Mexican Marinade)

ส่วนผสม:

  • น้ำมะนาว 1/4 ถ้วย
  • ผงพริกคาเยนน์ 1 ช้อนชา
  • ผงยี่หร่า 1 ช้อนชา
  • ผงปาปริก้า 1 ช้อนชา
  • ผงกระเทียม 1 ช้อนชา
  • ผงหัวหอม 1 ช้อนชา
  • น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือและพริกไทย 1 ช้อนชา (ตามชอบ)

วิธีหมัก:

  1. ผสมน้ำมะนาว น้ำมันมะกอก และเครื่องเทศทั้งหมดในชามขนาดใหญ่
  2. ใส่ไก่ลงในส่วนผสมแล้วคลุกเคล้าให้ทั่ว
  3. หมักในตู้เย็นประมาณ 2-4 ชั่วโมง

เคล็ดลับเพิ่มเติม:

  • การหมักไก่ไว้ในตู้เย็นนาน ๆ จะช่วยให้เนื้อไก่ซึมซับรสชาติได้ดีขึ้น แต่ควรหมักไม่เกิน 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันเนื้อไก่เปลี่ยนรสชาติ
  • ใช้ถุงซิปล็อกเพื่อหมักไก่ จะช่วยให้เครื่องหมักซึมเข้าถึงเนื้อไก่ทุกส่วนได้ดี
  • เมื่อหมักไก่เสร็จแล้ว ควรนำไก่ออกมาจากตู้เย็นประมาณ 20-30 นาทีก่อนทอด เพื่อให้ไก่มีอุณหภูมิที่เหมาะสม

การใช้สูตรหมักไก่และเครื่องเทศเหล่านี้จะช่วยให้ไก่ทอดของคุณมีรสชาติที่หลากหลายและน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นสไตล์ไทย เกาหลี อินเดีย หรือเม็กซิกัน คุณสามารถปรับแต่งตามความชอบได้ตามต้องการ





เคล็ดลับการทำไก่ทอดให้ดีต่อสุขภาพมากขึ้น

การทำไก่ทอดให้ดีต่อสุขภาพมากขึ้นเป็นเรื่องที่หลายคนให้ความสนใจ เพราะไก่ทอดแม้จะอร่อย แต่ก็อาจมีแคลอรีและไขมันสูงหากไม่ระมัดระวังในขั้นตอนการปรุงอาหาร นี่คือเคล็ดลับที่สามารถช่วยให้ไก่ทอดมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากขึ้น:

1. เลือกใช้เนื้อไก่ที่มีไขมันต่ำ

  • ใช้เนื้อส่วนที่มีไขมันต่ำ เช่น อกไก่แทนที่จะใช้ส่วนสะโพกหรือน่อง เนื้อส่วนอกมีไขมันต่ำกว่าและมีโปรตีนสูงกว่า ทำให้เหมาะกับการทำไก่ทอดที่ดีต่อสุขภาพ

2. เลือกใช้น้ำมันที่ดีต่อสุขภาพ

  • เลือกใช้น้ำมันที่มีไขมันไม่อิ่มตัว เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันคาโนลา หรือ น้ำมันอะโวคาโด ซึ่งมีไขมันดีที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและดีต่อหัวใจ ควรหลีกเลี่ยงน้ำมันที่มีไขมันอิ่มตัวสูง เช่น น้ำมันปาล์ม

3. ลดปริมาณแป้งในการคลุกไก่

  • ใช้แป้งแบบบางเบา หรืออาจใช้แป้งที่มีส่วนประกอบจากธัญพืชเต็มเมล็ด (whole grain) หรือแป้งอัลมอนด์แทนแป้งสาลี เพื่อลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตและเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ

4. ใช้เทคนิคการอบแทนการทอด

  • ถ้าต้องการลดการใช้น้ำมัน สามารถใช้เตาอบแทนการทอดได้ โดยปรับอุณหภูมิเตาอบที่ 200 องศาเซลเซียส และอบไก่บนตะแกรงเพื่อให้น้ำมันส่วนเกินไหลออก และยังคงความกรอบได้เช่นกัน การอบไก่จะช่วยลดปริมาณไขมันที่ใช้ในการทำอาหารได้อย่างมาก

5. หมักไก่ด้วยวิธีที่ดีต่อสุขภาพ

  • ใช้วิธีการหมักไก่ด้วยโยเกิร์ตไร้ไขมันหรือบัตเตอร์มิลค์ไขมันต่ำเพื่อเพิ่มความนุ่มนวล โดยหลีกเลี่ยงการใช้เนยหรือครีมที่มีไขมันสูง นอกจากนี้ การหมักไก่ด้วยสมุนไพรและเครื่องเทศจะช่วยเพิ่มรสชาติให้กับไก่โดยไม่ต้องเพิ่มเกลือหรือไขมัน

6. ลดปริมาณเกลือ

  • ใช้เครื่องเทศและสมุนไพรในการเพิ่มรสชาติแทนการใช้เกลือมากเกินไป เช่น ใช้พริกไทย กระเทียม ขิง และสมุนไพรสดต่างๆ จะช่วยให้ไก่ทอดมีรสชาติอร่อยและดีต่อสุขภาพ

7. ตัดไขมันส่วนเกินออก

  • ก่อนการปรุงอาหาร ควรตัดส่วนไขมันส่วนเกินออกจากเนื้อไก่ เพื่อลดปริมาณไขมันที่ไม่จำเป็นในอาหารของคุณ

8. ปรับปรุงการเสิร์ฟ

  • แทนที่จะเสิร์ฟไก่ทอดพร้อมกับมันฝรั่งทอดหรือขนมปัง ลองเสิร์ฟพร้อมกับผักสดหรือสลัดแทน จะช่วยเพิ่มไฟเบอร์และวิตามินที่ดีต่อสุขภาพ รวมทั้งลดปริมาณแคลอรีในมื้ออาหาร

9. ทอดในหม้อทอดไร้น้ำมัน (Air Fryer)

  • หม้อทอดไร้น้ำมัน (Air Fryer) เป็นตัวเลือกที่ดีในการทำไก่ทอดให้กรอบโดยใช้น้ำมันน้อยมากหรือไม่ใช้น้ำมันเลย ไก่ที่ได้จะมีความกรอบและไขมันน้อยลงอย่างมาก

10. ใช้เตาอบคอนเวกชัน (Convection Oven)

  • เตาอบคอนเวกชันใช้ลมร้อนในการอบ ทำให้ไก่มีความกรอบโดยไม่ต้องใช้น้ำมันมาก สามารถช่วยลดปริมาณไขมันและแคลอรีในมื้ออาหารได้

การทำไก่ทอดที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้นไม่จำเป็นต้องลดทอนความอร่อย เพียงปรับเปลี่ยนวิธีการปรุงและวัตถุดิบบางอย่าง ก็สามารถทำให้ไก่ทอดเป็นมื้ออาหารที่ทั้งอร่อยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพได้อย่างง่ายดาย



สรุป

ไก่ทอดมีต้นกำเนิดจากหลายวัฒนธรรม เช่น อเมริกัน เกาหลี ญี่ปุ่น และไทย แต่ละสไตล์มีเทคนิคการหมักและปรุงรสที่เป็นเอกลักษณ์ การทำไก่ทอดให้กรอบนอกนุ่มในสามารถทำได้โดยเลือกเนื้อไก่ที่มีไขมันต่ำ ใช้น้ำมันที่ดีต่อสุขภาพ และคลุกแป้งบางเบา การปรับวิธีการทอด เช่น การใช้เตาอบหรือหม้อทอดไร้น้ำมัน ช่วยลดไขมันและเพิ่มสุขภาพดี ไก่ทอดที่ดีต่อสุขภาพควรหมักด้วยส่วนผสมที่ดีและเสิร์ฟพร้อมผักสดหรือสลัด.


อุปกรณ์และเครื่องจักรสำหรับการแปรรูป ไก่

  • เครื่องนวดเนื้อสูญญากาศ เครื่องหมักเนื้อ (Vacuum Tumbler)เป็นเครื่องจักรที่ได้รับความนิยมมากในการแปรรูปอาหาร โดยใช้ในการหมักเนื้อสัตว์ (Marnate) ไม่ว่าจะเป็นไก่ เนื้อสำหรับทำสเต็ก, หมู, แฮม หรือเนื้อที่มีการหั่นเป็นขนาดเล็ก เช่น กุ้ง, ปลา, ไก่, หมู กับเครื่องเทศต่างๆ เครื่องปรุงรส ซอส เกลือ น้ำตาล โดยใช้หลักการออสโมซิส Osmosis ให้เข้าไปในชิ้นเนื้อได้รวดเร็วประหยัดเวลามากขึ้นโดยนิยมใช้หมักเนื้อที่มีขนาดใหญ่ เช่น เบคอน แฮม เนื้อสเต็ก

    เครื่องนวดเนื้อ ทำให้การหมักไก่ทอดเป็นเรื่องง่าย ทำให้การหมักเครื่องเทศ และซอสเข้าเนื้อได้ดีและลดระยะเวลาในการหมัก

  • เครื่องบดโครงไก่แยกกระดูก (Bone Separator) หรือเครื่องแยกกระดูกเป็นเครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อแยกเนื้อออกจากกระดูก โดยเฉพาะในกระบวนการเตรียมเนื้อสัตว์ในปริมาณมาก เครื่องนี้ช่วยในการจัดการโครงไก่และกระดูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องบดโครงไก่ที่สามารถแยกกระดูกได้
  • เครื่องบดไก่แบบละเอียด (Meat Grinder or Meat Mincer) ใช้ในการบดเนื้อไก่ให้ละเอียดตามต้องการ ซึ่งมักใช้ในการเตรียมเนื้อไก่สำหรับการทำอาหารหลากหลายประเภท เช่น แฮมเบอร์เกอร์, ไส้กรอก, หรืออาหารที่ต้องการเนื้อไก่บดละเอียด นี่คือรายละเอียดเกี่ยวกับเครื่องบดไก่แบบละเอียด



Palm: