จากแป้งสู่โต๊ะอาหาร วิธีทำขนมปังฝรั่งเศส 5 ชนิดยอดนิยม
ขนมปัง เป็นอาหารพื้นฐานที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในวัฒนธรรมฝรั่งเศส ทั้งในฐานะอาหารหลักและสัญลักษณ์แห่งวิถีชีวิต ขนมปังไม่ได้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของมื้ออาหาร แต่ยังสอดแทรกอยู่ในประวัติศาสตร์ สังคม และจิตวิญญาณของชาวฝรั่งเศส มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างขนมปังและวิถีชีวิตนี้ปรากฏให้เห็นตั้งแต่การเสิร์ฟขนมปังในทุกมื้อ การขายขนมปังในทุกมุมถนน ไปจนถึงการที่ขนมปังกลายเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นหนึ่งเดียวและความสามัคคีของสังคมฝรั่งเศส
ความพิถีพิถันในกระบวนการทำขนมปังของชาวฝรั่งเศสยังสะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจในวัตถุดิบและเทคนิคการทำที่ผ่านการพัฒนาและสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ขนมปังฝรั่งเศสไม่เพียงแต่มีความอร่อยและคุณภาพดี แต่ยังมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ทางสังคมที่ลึกซึ้ง
ในบทความนี้จะสำรวจถึงความสำคัญของขนมปังในวัฒนธรรมฝรั่งเศส รวมถึงแนะนำขนมปังฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักในระดับโลก
ต้นกำเนิดของขนมปังฝรั่งเศส
ขนมปังเป็นหนึ่งในอาหารที่เก่าแก่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ โดยมีการผลิตขนมปังมาตั้งแต่สมัยยุคหิน อย่างไรก็ตาม ขนมปังฝรั่งเศสเริ่มมีบทบาทสำคัญในสังคมฝรั่งเศสตั้งแต่ยุคกลาง (Middle Ages) ซึ่งในช่วงนั้น การทำขนมปังถูกควบคุมโดยกิลด์ช่างทำขนมปัง (Guild of Bakers) การผลิตขนมปังในฝรั่งเศสในยุคเริ่มต้นเน้นการใช้แป้งข้าวสาลีซึ่งเป็นวัตถุดิบหลัก และมีการพัฒนารูปแบบขนมปังเพื่อให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมการบริโภคของคนในแต่ละยุค
ในช่วงยุคปฏิวัติฝรั่งเศส (French Revolution) ขนมปังมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับการเมืองและสังคม เนื่องจากขนมปังเป็นอาหารหลักของประชาชน การขาดแคลนขนมปังในช่วงนั้นเป็นหนึ่งในสาเหตุที่กระตุ้นให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ประชาชนและนำไปสู่การลุกฮือเพื่อเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ การต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมในสังคมได้ส่งผลต่อการกำหนดราคาขนมปัง ซึ่งในที่สุดรัฐได้กำหนดให้ขนมปังมีราคาเท่ากันสำหรับทุกชนชั้น
วิวัฒนาการและการพัฒนาสู่รูปแบบปัจจุบัน
การพัฒนาของขนมปังฝรั่งเศสเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในช่วงศตวรรษที่ 19 การปฏิวัติอุตสาหกรรมได้เปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิตขนมปังไปอย่างมาก เทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น การใช้เตาอบแบบทันสมัย การผลิตยีสต์ในปริมาณมาก และการนำแป้งคุณภาพสูงมาผลิตขนมปัง ทำให้ขนมปังมีความหลากหลายมากขึ้น และขนมปังที่เป็นเอกลักษณ์ของฝรั่งเศส เช่น บาแกตต์ ก็เริ่มถือกำเนิดขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ถึงต้นศตวรรษที่ 20
บาแกตต์ (Baguette) ถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของขนมปังฝรั่งเศส รูปทรงยาวของบาแกตต์เกิดจากการพัฒนาเทคนิคการนวดและการอบที่เฉพาะตัว เพื่อให้ได้เปลือกที่กรอบและเนื้อในที่นุ่ม ในปี ค.ศ. 1920 กฎหมายของฝรั่งเศสกำหนดให้ช่างทำขนมปังต้องเริ่มทำงานตั้งแต่ตี 4 ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาขนมปังที่สามารถทำได้รวดเร็วขึ้น จนเกิดเป็นบาแกตต์ในรูปแบบที่เรารู้จักในปัจจุบัน
ขนมปังฝรั่งเศสยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยในยุคปัจจุบัน ขนมปังที่ทำจากแป้งที่มีคุณภาพสูงและการหมักยีสต์ธรรมชาติได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ช่างทำขนมปังฝรั่งเศสยังคงรักษาเอกลักษณ์ของการทำขนมปังแบบดั้งเดิมพร้อมกับการพัฒนาสูตรใหม่ ๆ ทำให้ขนมปังฝรั่งเศสยังคงเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมไปทั่วโลก
บาเกตต์ (Baguette)
การทำบาเกตต์ (Baguette) ต้องการวัตถุดิบที่เรียบง่ายและขั้นตอนการทำที่ค่อนข้างประณีตเพื่อให้ได้เนื้อในนุ่มและเปลือกนอกกรอบ ลองมาดูรายละเอียดของวัถุดิบและขั้นตอนการทำบาเกตต์กัน:
วัตถุดิบ
- แป้งสาลีเอนกประสงค์ 500 กรัม
- น้ำเปล่า 325 มิลลิลิตร (หรือประมาณ 65% ของน้ำหนักแป้ง)
- ยีสต์แห้ง 10 กรัม (หรือยีสต์สด 25 กรัม)
- เกลือ 10 กรัม
- น้ำตาล 5 กรัม (ไม่จำเป็น แต่จะช่วยเร่งปฏิกิริยาการทำงานของยีสต์)
ขั้นตอนการทำ
-
เตรียมส่วนผสมแป้ง
- ร่อนแป้งสาลีลงในชามผสม
- ผสมยีสต์และน้ำตาลลงในน้ำอุ่น ปล่อยให้ยีสต์ทำปฏิกิริยาจนเกิดฟอง (ประมาณ 5-10 นาที)
-
นวดแป้ง
- เทส่วนผสมของยีสต์ที่ทำไว้ลงในแป้ง ใส่เกลือ จากนั้นเติมน้ำลงไปทีละน้อย ๆ
- นวดแป้งด้วยมือหรือใช้เครื่องนวดแป้งจนแป้งเนียน ไม่ติดมือ ประมาณ 10-15 นาที
- เมื่อแป้งนวดเสร็จแล้ว ปั้นแป้งเป็นก้อนกลมและคลุมด้วยผ้าขาวบาง พักให้แป้งขึ้นฟูเป็นเวลา 1-2 ชั่วโมงจนแป้งขึ้นเป็น 2 เท่าของขนาดเดิม
-
การตบแป้งและขึ้นรูป
- หลังจากแป้งฟูขึ้นแล้ว ให้ตบแป้งเพื่อไล่อากาศออก (เรียกว่า “การชกแป้ง”)
- แบ่งแป้งเป็นก้อนเล็ก ๆ และขึ้นรูปแป้งเป็นแท่งยาว ลักษณะเรียว โดยให้มีความยาวประมาณ 30-40 เซนติเมตร
-
พักแป้งอีกครั้ง
- หลังจากขึ้นรูปเสร็จแล้ว ให้พักแป้งอีกประมาณ 30-45 นาทีเพื่อให้แป้งขึ้นอีกครั้ง
-
เตรียมอบ
- เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 230°C (450°F) ก่อนนำขนมปังเข้าอบ
- ใช้มีดบากรอยเล็ก ๆ บนหน้าบาเกตต์เพื่อให้ขนมปังแตกตัวระหว่างการอบ
- พ่นน้ำลงในเตาอบหรือวางถาดน้ำร้อนในเตาเพื่อให้เกิดไอน้ำระหว่างการอบ จะช่วยให้เปลือกบาเกตต์กรอบ
-
การอบ
- นำบาเกตต์เข้าอบประมาณ 20-25 นาที จนเปลือกขนมปังเป็นสีน้ำตาลทองและกรอบ
- หลังจากอบเสร็จแล้ว นำบาเกตต์ออกจากเตาและพักให้เย็นก่อนเสิร์ฟ
เคล็ดลับเพิ่มเติม:
- การทำบาเกตต์ที่ดีควรนวดแป้งจนเนื้อเนียนและพักแป้งให้ขึ้นฟูพอเหมาะ เพื่อให้ขนมปังมีโพรงอากาศที่สวยงามภายใน
- การใช้ไอน้ำระหว่างการอบช่วยให้เปลือกนอกของบาเกตต์กรอบและสวยงาม
บาเกตต์ที่ออกมาจะมีเปลือกกรอบและเนื้อในนุ่ม เป็นขนมปังที่เหมาะทานคู่กับอาหารฝรั่งเศสต่าง ๆ เช่น ซุป สลัด หรือชีส
บริโอช (Brioche)
บริโอช (Brioche) เป็นขนมปังฝรั่งเศสเนื้อนุ่มที่มีเนยและไข่เป็นส่วนผสมหลัก ทำให้มีเนื้อสัมผัสที่นุ่มและรสชาติหอมมัน มักจะรับประทานเป็นขนมปังหรือใช้ทำเป็นขนมปังสำหรับแฮมเบอร์เกอร์ก็ได้ ลองมาดูวัตถุดิบและขั้นตอนการทำบริโอชกัน:
วัตถุดิบ
- แป้งสาลีเอนกประสงค์ 500 กรัม
- น้ำตาล 50 กรัม
- เกลือ 10 กรัม
- ยีสต์แห้ง 10 กรัม (หรือยีสต์สด 25 กรัม)
- ไข่ไก่ 4 ฟอง (ประมาณ 200 กรัม)
- นมสดอุ่น 60 มิลลิลิตร
- เนยจืด 250 กรัม (ควรเป็นเนยที่นิ่มแต่ไม่เหลว)
- ไข่ไก่สำหรับทาหน้าขนมปัง 1 ฟอง (ตีให้เข้ากัน)
ขั้นตอนการทำ
-
เตรียมยีสต์
- ผสมยีสต์แห้งกับนมอุ่นและน้ำตาลเล็กน้อย แล้วทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาทีจนเกิดฟอง (ถ้าใช้ยีสต์สดสามารถใส่ลงไปในแป้งได้เลย)
-
ผสมแป้ง
- ใส่แป้งสาลี น้ำตาล และเกลือลงในชามผสม แล้วคนให้เข้ากัน
- ตีไข่ไก่ 4 ฟองให้เข้ากันในชามแยก แล้วเทลงในส่วนผสมแป้งทีละน้อย
- เติมส่วนผสมยีสต์ลงไป และเริ่มนวดแป้งให้เข้ากันดี
-
นวดแป้ง
- นวดแป้งจนแป้งเริ่มเนียนและยืดหยุ่น (ประมาณ 5-10 นาที) จากนั้นค่อย ๆ ใส่เนยที่นิ่มแล้วทีละน้อย นวดต่อจนเนยเข้ากับแป้งดีและแป้งมีความเนียนนุ่ม (การนวดอาจใช้เครื่องนวดแป้งเพื่อความสะดวก)
-
พักแป้งครั้งแรก
- ปั้นแป้งเป็นก้อนกลม คลุมด้วยพลาสติกห่ออาหารหรือผ้าขาวบาง และพักแป้งในที่อุ่นประมาณ 1-2 ชั่วโมง หรือจนแป้งขึ้นเป็น 2 เท่า
-
ตบแป้งและพักในตู้เย็น
- เมื่อแป้งขึ้นฟูดีแล้ว ให้ตบแป้งเพื่อไล่อากาศออก แล้วห่อด้วยพลาสติกแรปพักแป้งในตู้เย็น 4 ชั่วโมง หรือทิ้งไว้ข้ามคืน เพื่อให้แป้งเนียนยิ่งขึ้นและควบคุมการทำงานของยีสต์
-
ขึ้นรูปและพักแป้งครั้งที่สอง
- หลังจากนำแป้งออกจากตู้เย็น ให้นำมาขึ้นรูปตามต้องการ (เช่น ทำเป็นก้อนกลมหรือขึ้นรูปในพิมพ์ขนมปัง)
- คลุมแป้งด้วยผ้าขาวบางหรือพลาสติกอีกครั้ง และพักแป้งในที่อุ่นประมาณ 1-2 ชั่วโมงจนแป้งขึ้นฟูอีกครั้ง
-
เตรียมอบ
- เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 180°C (350°F)
- ทาไข่ไก่ที่ตีแล้วลงบนหน้าขนมปังเพื่อให้เกิดความเงางามและสีสวยเมื่อนำไปอบ
-
การอบ
- นำบริโอชเข้าอบในเตาประมาณ 25-30 นาที จนขนมปังเป็นสีน้ำตาลทองและสุกทั่วทั้งก้อน
- เมื่ออบเสร็จแล้ว นำบริโอชออกจากเตาและพักให้เย็นก่อนเสิร์ฟ
เคล็ดลับเพิ่มเติม:
- การพักแป้งในตู้เย็นเป็นเวลานานช่วยให้เนื้อสัมผัสของบริโอชนุ่มและแน่นมากขึ้น
- สามารถใส่ส่วนผสมเพิ่มเติม เช่น ช็อกโกแลต หรือผลไม้แห้ง เพื่อเพิ่มรสชาติให้บริโอช
เมื่อทำเสร็จ บริโอชจะมีเนื้อในที่นุ่ม ชุ่มเนย และกลิ่นหอมของไข่และเนย เหมาะสำหรับทานคู่กับเนย ชา หรือกาแฟ
ครัวซองต์ (Croissant)
ครัวซองต์ (Croissant) เป็นขนมปังอบรูปพระจันทร์เสี้ยวที่มีต้นกำเนิดจากฝรั่งเศส มีลักษณะพิเศษคือมีชั้นของแป้งและเนยซ้อนกันหลายชั้น ทำให้ครัวซองต์มีเนื้อสัมผัสที่ฟูกรอบนอกและนุ่มใน การทำครัวซองต์นั้นต้องอาศัยเทคนิคในการพับแป้งและเนยเพื่อสร้างชั้นแป้งที่พิเศษ ลองมาดูรายละเอียดของวัตถุดิบและขั้นตอนการทำครัวซองต์กัน:
วัตถุดิบ
- แป้งสาลีเอนกประสงค์ 500 กรัม
- น้ำตาล 50 กรัม
- เกลือ 10 กรัม
- ยีสต์แห้ง 10 กรัม
- นมสดอุ่น 250 มิลลิลิตร
- เนยจืด 300 กรัม (ควรเป็นเนยคุณภาพดีและนิ่มพอที่จะแผ่ลงในแป้งได้)
- ไข่ไก่ 1 ฟอง (สำหรับทาหน้าครัวซองต์)
ขั้นตอนการทำ
1. เตรียมแป้ง
- ผสมแป้งสาลี น้ำตาล และเกลือลงในชามผสม จากนั้นใส่ยีสต์แห้งลงไปและคนให้เข้ากัน
- เติมนมอุ่นลงในส่วนผสมแป้ง ค่อย ๆ นวดแป้งจนแป้งเริ่มรวมตัวเป็นก้อน (สามารถใช้เครื่องนวดแป้งหรือมือก็ได้) นวดต่อจนแป้งเนียนและยืดหยุ่นดี
- ปั้นแป้งเป็นก้อนกลม คลุมด้วยผ้าขาวบางและพักแป้งไว้ในที่อุ่นประมาณ 1-2 ชั่วโมง หรือจนแป้งขึ้นเป็น 2 เท่า
2. เตรียมเนย
- ระหว่างรอแป้งขึ้น ให้นำเนย 300 กรัมมารีดแผ่ให้เป็นแผ่นบาง ๆ หนาประมาณ 1 เซนติเมตร (แผ่เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสหรือสี่เหลี่ยมผืนผ้าตามขนาดของแป้ง)
- วางเนยที่รีดแล้วไว้ในตู้เย็นเพื่อให้เนยแข็งตัวเล็กน้อยแต่ยังนุ่มพอที่จะพับเข้ากับแป้ง
3. พับแป้งและเนย (การพับแป้งแบบเลเยอร์)
- นำแป้งที่พักไว้มารีดให้เป็นแผ่นสี่เหลี่ยมผืนผ้า จากนั้นวางเนยที่เตรียมไว้ตรงกลางแป้ง
- พับแป้งหุ้มเนยเหมือนการพับจดหมาย คือพับขอบแป้งเข้าหากันเพื่อปิดเนยให้มิดชิด
- รีดแป้งที่พับเนยแล้วให้เป็นแผ่นสี่เหลี่ยมผืนผ้าบาง ๆ จากนั้นพับแป้งเป็น 3 ชั้น (เหมือนพับจดหมาย) แล้วนำไปพักในตู้เย็นประมาณ 30 นาที
- นำแป้งออกจากตู้เย็นและทำการรีดแป้งซ้ำอีกครั้ง โดยพับเป็น 3 ชั้นและพักในตู้เย็นอีกครั้ง ทำซ้ำกระบวนการนี้ 3-4 ครั้งเพื่อสร้างชั้นแป้งและเนย
4. ขึ้นรูปครัวซองต์
- นำแป้งที่พับหลายชั้นแล้วออกมารีดให้เป็นแผ่นบาง ๆ หนาประมาณ 5 มิลลิเมตร จากนั้นตัดแป้งเป็นรูปสามเหลี่ยมขนาดเท่ากัน
- นำแป้งที่ตัดเป็นรูปสามเหลี่ยมมาม้วนจากฐานขึ้นไปหาปลายสามเหลี่ยม เพื่อให้ได้รูปร่างคล้ายพระจันทร์เสี้ยว (croissant)
5. พักแป้ง
- วางครัวซองต์ที่ม้วนเสร็จแล้วลงบนถาดอบที่ปูกระดาษรองอบไว้ และพักแป้งในที่อุ่นประมาณ 1-2 ชั่วโมงจนแป้งขึ้นเป็นสองเท่า
6. เตรียมอบ
- เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 200°C (390°F)
- ตีไข่ไก่ให้เข้ากัน แล้วทาไข่บนหน้าครัวซองต์เพื่อให้มีสีเหลืองทองสวยงามเมื่อนำไปอบ
7. การอบ
- นำครัวซองต์เข้าอบในเตาอบที่อุณหภูมิ 200°C ประมาณ 15-20 นาที จนมีสีเหลืองทองและสุกกรอบ
- หลังจากอบเสร็จแล้ว พักครัวซองต์ให้เย็นก่อนเสิร์ฟ
เคล็ดลับเพิ่มเติม:
- เนยที่ใช้ทำครัวซองต์ควรมีคุณภาพดีและไม่ควรแข็งเกินไปหรือเหลวเกินไปเพื่อให้พับเข้ากับแป้งได้ดี
- การพักแป้งในตู้เย็นช่วยให้ชั้นแป้งและเนยคงรูป ทำให้ครัวซองต์มีชั้นกรอบและฟู
เมื่อเสร็จแล้ว ครัวซองต์จะมีชั้นแป้งบาง ๆ หลายชั้นที่กรอบนอกและนุ่มใน มีกลิ่นหอมของเนยที่ละลายระหว่างการอบ
ปาน โอ โชโกลา (Pain au Chocolat)
ปาน โอ โชโกลา (Pain au Chocolat) เป็นขนมอบจากฝรั่งเศสที่ใช้แป้งครัวซองต์เป็นฐาน ซึ่งมีลักษณะคล้ายครัวซองต์ แต่มีไส้ช็อกโกแลตอยู่ด้านใน ปาน โอ โชโกลา มีเนื้อสัมผัสที่ฟูและกรอบนอกนุ่มใน มักจะเสิร์ฟเป็นอาหารเช้าหรือของว่าง ลองมาดูวัตถุดิบและขั้นตอนการทำกัน:
วัตถุดิบ
สำหรับแป้งครัวซองต์ (Croissant Dough):
- แป้งสาลีเอนกประสงค์ 500 กรัม
- น้ำตาล 50 กรัม
- เกลือ 10 กรัม
- ยีสต์แห้ง 10 กรัม (หรือยีสต์สด 25 กรัม)
- นมสดอุ่น 250 มิลลิลิตร
- เนยจืด 300 กรัม (ควรเป็นเนยคุณภาพดี)
- ไข่ไก่ 1 ฟอง (สำหรับทาหน้าขนมปัง)
สำหรับไส้ช็อกโกแลต:
- แท่งช็อกโกแลตดำ (dark chocolate) ประมาณ 200 กรัม (หั่นเป็นแท่งยาวขนาดประมาณ 8-10 เซนติเมตร หรือใช้ช็อกโกแลตสำหรับทำไส้ Pain au Chocolat โดยเฉพาะ)
ขั้นตอนการทำ
1. เตรียมแป้งครัวซองต์
- ผสมแป้งสาลี น้ำตาล และเกลือลงในชามผสม จากนั้นใส่ยีสต์แห้งลงไปแล้วคนให้เข้ากัน
- เติมนมอุ่นลงในส่วนผสมแป้ง ค่อย ๆ นวดแป้งจนแป้งเริ่มรวมตัวเป็นก้อน (สามารถใช้มือหรือเครื่องนวดแป้งได้) นวดต่อจนแป้งเนียนและยืดหยุ่นดี
- ปั้นแป้งเป็นก้อนกลม คลุมด้วยผ้าขาวบางแล้วพักแป้งไว้ในที่อุ่นประมาณ 1-2 ชั่วโมง หรือจนแป้งขึ้นเป็น 2 เท่า
2. เตรียมเนย
- ระหว่างรอแป้งขึ้น ให้นำเนยจืด (300 กรัม) มารีดเป็นแผ่นบาง ๆ หนาประมาณ 1 เซนติเมตร (ควรแผ่เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสหรือสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดให้เหมาะสมกับแป้งที่เตรียมไว้)
- นำเนยที่รีดแล้วแช่ในตู้เย็นเพื่อให้แข็งตัวเล็กน้อย แต่ยังนิ่มพอที่จะพับเข้ากับแป้งได้
3. พับแป้งและเนย (Lamination)
- นำแป้งที่พักไว้มารีดให้เป็นแผ่นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่พอที่จะห่อเนยได้ วางเนยที่แผ่ไว้ตรงกลางแป้ง จากนั้นพับแป้งหุ้มเนยคล้ายกับการพับจดหมาย (ปิดเนยให้มิดชิด)
- รีดแป้งที่หุ้มเนยแล้วให้เป็นแผ่นสี่เหลี่ยมผืนผ้าบาง ๆ แล้วพับแป้งเป็น 3 ชั้น (เหมือนพับจดหมาย) นำแป้งไปพักในตู้เย็นประมาณ 30 นาที
- ทำซ้ำกระบวนการรีดและพับแป้ง 3-4 ครั้ง เพื่อสร้างชั้นแป้งและเนยที่บางและกรอบ
4. ขึ้นรูปปาน โอ โชโกลา
- รีดแป้งที่พักไว้อีกครั้งให้บางประมาณ 5 มิลลิเมตร จากนั้นตัดแป้งเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 8×10 เซนติเมตร
- วางแท่งช็อกโกแลตไว้ที่ด้านข้างของแป้ง แล้วพับแป้งห่อช็อกโกแลตโดยม้วนจากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง (ลักษณะคล้ายม้วนท่อ)
- วางปาน โอ โชโกลา ที่ขึ้นรูปเสร็จแล้วลงบนถาดอบที่ปูกระดาษรองอบไว้ โดยให้ด้านที่พับหันลงด้านล่าง
5. พักแป้ง
- คลุมปาน โอ โชโกลา ด้วยผ้าขาวบางแล้วพักแป้งอีกครั้งในที่อุ่นประมาณ 1-2 ชั่วโมง หรือจนแป้งขึ้นเป็นสองเท่า
6. เตรียมอบ
- เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 200°C (390°F)
- ตีไข่ไก่ให้เข้ากันแล้วทาลงบนหน้าของปาน โอ โชโกลา เพื่อให้มีสีเหลืองทองเมื่ออบเสร็จ
7. การอบ
- นำปาน โอ โชโกลา เข้าอบในเตาอบที่อุณหภูมิ 200°C ประมาณ 15-20 นาที จนขนมปังมีสีเหลืองทองและกรอบนอก
- เมื่ออบเสร็จแล้ว นำขนมปังออกจากเตาและพักให้เย็นก่อนเสิร์ฟ
เคล็ดลับเพิ่มเติม:
- เนยที่ใช้ควรมีคุณภาพดีและไม่ควรเหลวเกินไปหรือแข็งเกินไป เพื่อให้สามารถพับเข้ากับแป้งได้อย่างดี
- ช็อกโกแลตที่ใช้ทำไส้ควรเป็นดาร์กช็อกโกแลตที่มีคุณภาพดีเพื่อให้ได้รสชาติเข้มข้นและสมดุลกับความหวานของแป้ง
เมื่อเสร็จแล้ว ปาน โอ โชโกลา จะมีชั้นแป้งที่บางและกรอบ พร้อมไส้ช็อกโกแลตเข้มข้นด้านใน เหมาะสำหรับทานเป็นอาหารเช้าคู่กับกาแฟหรือชา
ฟูกาส (Fougasse)
ฟูกาส (Fougasse) เป็นขนมปังที่มีต้นกำเนิดจากแคว้นโพรวองซ์ในประเทศฝรั่งเศส มีลักษณะคล้ายกับขนมปังอิตาเลียนอย่างฟอคัชเซีย แต่มีรูปร่างเฉพาะซึ่งมักถูกตัดให้คล้ายกับใบไม้หรือรวงข้าว ฟูกาสมักจะมีส่วนผสมเพิ่มเติมเช่น สมุนไพร, มะกอก, ชีส หรือเบคอน ทำให้มีรสชาติหลากหลาย เหมาะกับการทานคู่กับซุปหรือสลัด
เครื่องจักรเบเกอรี่
- เตาอบ เป็นเครื่องใช้ที่สำคัญในการทำอาหารและขนมปัง เนื่องจากช่วยให้การทำอาหารมีประสิทธิภาพและผลลัพธ์ที่ดี โดยการอบใช้ความร้อนในการปรุงอาหารให้สุกอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งทำให้สามารถทำอาหารได้หลากหลายประเภท เช่น ขนมปัง เค้ก พิซซ่า และอาหารอบอื่น ๆ
- เครื่องทาเนยอัตโนมัติ เป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยในการทาเนยหรือแยมลงบนขนมปังหรืออาหารอื่นๆ อย่างรวดเร็วและสม่ำเสมอ โดยไม่ต้องใช้แรงงานมากจากผู้ใช้งาน